เมื่อมีเรื่องท้อแท้ มีเรื่องไม่สบายใจ การคิดบวกคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนนึกถึง เพราะทุกคนคงรู้กันดีอยู่ว่าแนวคิดนี้มีประโยชน์กับการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันนี้มากแค่ไหน
“ในโลกที่ต้องเผชิญกับความวุ่นวาย กระทบกระทั่ง และอุปสรรคต่างๆที่รุมเร้าแบบนี้ การคิดบวกคืออีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เรามองเหตุการณ์และสิ่งต่างๆในมุมมองที่ดีขึ้น”
การคิดบวกไม่ใช่การคิดในแง่ดีที่หลอกตัวเอง แต่เป็นการมองปัญหาตามความเป็นจริงที่ทำให้เราสามารถมองเห็นข้อดีในปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และได้ความสุขทางใจเป็นของแถมกลับมา
“การคิดบวก จึงกลายเป็นคำแนะนำติดปาก ที่เราทุกคนเริ่มหันมาใช้เตือนสติกัน เพื่อหยุดความคิดลบๆไม่ให้มีมากจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น คนหลายคนก็ยังเผลอปล่อยให้ความคิดในแง่ร้ายและเรื่องราวที่มันบั่นทอนกำลังใจเข้ามาครอบงำอีกจนได้ อาจจะเป็นเพราะว่า หลายคนยังไม่รู้ว่าจะต้องคิดบวกอย่างไร จึงจะจัดการกับสิ่งร้ายๆ หรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนี้ได้ซักที”
คำตอบก็ไม่ยากครับ อันดับแรก ต้องอย่าลืมความจริงที่ว่า เรากำลังต้องการความคิดบวก ไม่ใช่ความคิดที่หลอกตัวเอง เช่น “ใครๆก็ทำผิดกันทั้งนั้น จะทำผิดด้วยนิดหน่อยเป็นอะไรไป” นี่ไม่ใช่การคิดบวกครับ แต่เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองโดยไม่นึกถึงหลักความถูกต้องและหลักความเป็นจริง
เมื่อคุณทำผิด การที่ไม่คิดเอาแต่เสียใจฟูมฟายนั้นถูกต้องแล้ว แต่ขั้นต่อมาก็การต้องคิดต่อว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ยิ้มรับกับความผิดพลาดคิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ อย่างนี้สิจึงจะเป็นการคิดบวก
มันไม่ผิดครับ ที่ทุกคนจะท้อ จะล้ม จะร้องไห้กับเรื่องราวผิดหวังหรือความผิดพลาดต่างๆของตัวเอง แต่ถ้าเราปล่อยใจให้จมดิ่งลงไปกับความทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่เราจะลุกขึ้นเดินได้อีกครั้งล่ะครับ มันจะดีกว่ามั้ยถ้าคุณลองเลิกคิดลบ แล้วหันมาให้กำลังใจความคิดของตัวเองบ้าง
ขั้นแรก พยายามคิดให้ได้ว่า ในสถานการณ์นี้ ผลลัพธ์อะไรกันแน่คือสิ่งที่คุณต้องการ แล้วนำสิ่งนั้นมาวางไว้เป็นเป้าหมาย
ขั้นต่อมา ก็ลองคิดถึงวิธีการที่จะเอาชนะอุปสรรคหรือปัญหาที่เกิดขึ้น และพิจารณาว่าวิธีการนี้ ได้นำคุณไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ในขั้นแรกหรือไม่
เช่น ถ้าในครั้งนี้คุณทำงานพลาด นอกจากจะคิดว่า เรายังมีโอกาสแก้ไขใหม่ได้ในครั้งหน้าแล้ว คุณควรคิดถึงผลลัพธ์ต่อไปที่ต้องการในการทำงานด้วย ทบทวนจุดที่ผิดพลาด และหาทางปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ นอกจากจะได้กำลังใจในการก้าวเดินต่อไปแล้ว ความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือเรื่องต่างๆที่คุณตั้งใจไว้ ก็อาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป