การมีหนี้สินท่วมหัวนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับคนที่มีหนี้จำนวนมาก มันก็เป็นเรื่องยากเอาการที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากสภาพคนมีหนี้สิน ไม่ต่างอะไรจากการที่ตกลงไปในหลุมที่ยากจะปีนขึ้นมาได้ แต่ยังนับว่าโชคดีที่ไม่ว่าเราจะมีหนี้สินอยู่มากแค่ไหน เราก็ยังคงมีวิธีที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความเป็นหนี้ได้เสมอ เพียงแค่เราทำตามวิธีที่คล้ายกับการวิ่งมาราธอนจากเว็บไซต์ savingadvice ที่เรามาฝากเท่านั้นเอง
1. มีแรงจูงใจ
แรงจูงใจเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวิ่งมาราธอนและการทำให้เราหลุดออกจากความเป็นหนี้ คือเราจำเป็นต้องมีความต้องการที่จะปีนออกไปจากหนี้สิน แม้ว่าการหมดหนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเรายังรักษาแรงจูงใจไว้และคิดถึงประโยชน์ในระยะยาวที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา มันก็จะช่วยให้เราหลุดออกจากความเป็นหนี้ได้ง่ายขึ้น
2. มีความมุ่งมั่นที่จะปลดหนี้
การนั่งคิดถึงทฤษฎีที่จะทำให้เราหมดหนี้นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีความหมายใด ๆ เลย หากเราไม่มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติจริง ดังนั้น แทนที่จะเอาแต่พูดถึงการทำให้หนี้สินหมดไป หันมามีความมุ่งมั่นในการทำให้ตัวเองหลุดจากความเป็นหนี้่จะดีกว่า และเมื่อเราเริ่มทำแล้ว เราก็จะไปสู่จุดมุ่งหมายจนได้ในที่สุด
3. มีแผนการ
การวางแผนไว้ล่วงหน้านั้นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อเราวิ่งมาราธอนเราต้องกำหนดตารางในการฝึกฝนด้วย เพื่อให้เราสามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้า 1 เดือนก่อนถึงวันที่จะต้องลงสนามจริง เมื่อเราพยายามที่จะทำให้หมดหนี้ เราจำเป็นต้องสร้างงบประมาณหรือวางแผนการกระทำก่อน ดังนั้นเราต้องรู้ว่าเราจะเริ่มจัดการกับหนี้กองเท่าภูเขาอย่างไร ตัวอย่างเช่น เราอาจจะต้องกำหนดงบประมาณเพื่อตัดรายจ่ายส่วนเกินออกไป หรือเราอาจจะต้องคิดถึงลักษณะหนี้สินของเราก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อแก้ปัญหามันให้ได้
4. ลงมือทำ
เมื่อเรามีแรงจูงใจที่จะหลุดออกจากความเป็นหนี้แล้ว เราต้องลงมือทำ เหมือนกับนักวิ่งที่ต้องเริ่มวิ่งในทุก ๆ วันเพื่อฝึกฝน เราก็ต้องเริ่มตัดพฤติกรรมสุรุ่ยสุร่าย และเก็บเงินไว้เพื่อชำระหนี้เก่าแทน มันเป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตขนานใหญ่ก็จริง แต่เราก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า และทำมันให้ได้
5. ขอกำลังใจจากครอบครัวหรือเพื่อน
การได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนและครอบครัวเป็นโบนัสอันยิ่งใหญ่หากเราพยายามที่จะทำให้ตัวเองหมดหนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เราพยายามจะลงมือทำ แต่พวกเขายังจะเป็นกำลังใจให้เราลงมือทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นนั้นต่อไปด้วย เผลอ ๆ อาจจะเป็นตัวช่วยเตือนไม่ให้เราใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายโดยไม่จำเป็นเสียด้วยนะ
6. เสียสละ
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เราจำเป็นต้องสละบางสิ่งไป นักวิ่งมาราธอนก็มักจะต้องลดปริมาณอาหาร และสละเวลามาฝึกซ้อมเช่นกัน ดังนั้นมันก็น่าจะดีมากถ้าเราจะสละบางพื้นที่ในชีวิตเมื่อเราต้องการหมดหนี้ เช่น การงดออกไปดูหนังในทุกวันสุดสัปดาห์ งดการช้อปปิ้งของใช้ไม่จำเป็น เป็นต้น
7. มีความเพียรพยายาม
มันง่ายเมื่อเราต้องการที่จะหนีออกจากสิ่งที่ดูยาก แต่เราจะต้องมีความเพียร บางครั้งเราแค่ต้องผลักดันตัวเองสักหน่อยเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเรา ดังนั้นเมื่อเราเจอสิ่งที่ยากลำบาก อย่าหนี แค่วิ่งต่อไปข้างหน้าสู่เส้นชัย เพราะหากเราหยุด เราจะไม่มีวันดึงตัวเองออกจากการเป็นหนี้ได้เลย
8. อย่ายอมแพ้
นักวิ่งมาราธอนรู้ว่าหากพวกเขาหยุดฝึกฝน พวกเขาก็จะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อเราพยายามที่จะหลุดออกจากความเป็นหนี้ ขอให้อย่ายอมแพ้ แม้ว่าบางครั้งสิ่งของราคาแพงที่ล่อใจเรา จะทำให้เราเผลอซื้อไปบ้าง ก็อย่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จงท่องไว้ว่าตราบใดที่เราอยากปลดหนี้สินที่ผูกมัดตัวเราอยู่ ก็ต้องเอาชนะกิเลสในใจเราให้ได้
9. รู้ขีดจำกัดของตัวเอง
แม้ว่าการประหยัดเพื่อนำเงินไปปลดหนี้จะเป็นสิ่งที่ดีและทำให้หนี้หมดเร็วที่สุด แต่เราต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเองเราด้วย เราต้องแน่ใจว่ามีเงินพอสำหรับใช้จ่ายตลอดทั้งสัปดาห์หรือตลอดทั้งเดือนที่เหลือ การพยายามทำให้หมดหนี้ไม่ได้หมายถึงการอยู่ต่อไปโดยไม่มีอะไรเลย เรายังคงต้องมีเงินเพื่อเข้ากิจกรรมต่าง ๆ ในสังคม ดังนั้น จงฉลาดในการกำหนดงบประมาณของเรา และอย่าพยายามบังคับมันให้ไปในทิศทางที่ทำให้เราต้องอยู่ในสภาพที่น่าอนาถมากขึ้น
10. ไปให้ถึงเส้นชัย
สิ่งที่ดีที่สุดของทั้งการวิ่งมาราธอนและการทำให้หมดหนี้คือการได้รู้ว่ามันยังมีเส้นชัยอยู่ในตอนสุดท้าย เรารู้ดีว่าไม่ว่าการแข่งขันในสนามใดก็ตาม ล้วนมีจุดจบรออยู่ และนั่นขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำให้มันจบลงเมื่อไหร่เท่านั้น มันอาจดูเหมือนเป็นถนนที่ทอดยาวไปอีกไกลกว่าหนี้ทั้งหมดของเราจะหมดลง แต่มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนตราบใดก็ตามที่เรายังเดินตามแผนการของเราไปจนถึงที่สุด
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับวิธีปลดหนี้ที่เรานำมาฝากในวันนี้ วิธีการเหล่านี้ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ เพียงแค่ต้องอาศัยความตั้งใจจริงและการวางแผนเล็ก ๆ น้อย ๆ ผสมเข้ากับความพยายามยับยั้งห้ามใจตัวเองเป็นสำคัญ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเราเคลียร์หนี้เก่าออกไปได้จนหมดแล้ว ก็อย่าเผลอตัวเผลอใจ ใช้จ่ายเงินตามสบายจนก่อให้เกิดหนี้ครั้งใหม่อีกแล้วกัน
