แรงบันดาลใจ

 

ก้าวได้ไกลกว่า ถ้าไม่หยุดแค่คิดบวก

ก้าวได้ไกลกว่า ถ้าไม่หยุดแค่คิดบวก

เมื่อมีเรื่องท้อแท้ มีเรื่องไม่สบายใจ การคิดบวกคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนนึกถึง เพราะทุกคนคงรู้กันดีอยู่ว่าแนวคิดนี้มีประโยชน์กับการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันนี้มากแค่ไหน     “ในโลกที่ต้องเผชิญกับความวุ่นวาย กระทบกระทั่ง และอุปสรรคต่างๆที่รุมเร้าแบบนี้ การคิดบวกคืออีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เรามองเหตุการณ์และสิ่งต่างๆในมุมมองที่ดีขึ้น”   การคิดบวกไม่ใช่การคิดในแง่ดีที่หลอกตัวเอง แต่เป็นการมองปัญหาตามความเป็นจริงที่ทำให้เราสามารถมองเห็นข้อดีในปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และได้ความสุขทางใจเป็นของแถมกลับมา       “การคิดบวก จึงกลายเป็นคำแนะนำติดปาก ที่เราทุกคนเริ่มหันมาใช้เตือนสติกัน เพื่อหยุดความคิดลบๆไม่ให้มีมากจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น คนหลายคนก็ยังเผลอปล่อยให้ความคิดในแง่ร้ายและเรื่องราวที่มันบั่นทอนกำลังใจเข้ามาครอบงำอีกจนได้ อาจจะเป็นเพราะว่า หลายคนยังไม่รู้ว่าจะต้องคิดบวกอย่างไร จึงจะจัดการกับสิ่งร้ายๆ หรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนี้ได้ซักที”   คำตอบก็ไม่ยากครับ อันดับแรก ต้องอย่าลืมความจริงที่ว่า เรากำลังต้องการความคิดบวก ไม่ใช่ความคิดที่หลอกตัวเอง เช่น “ใครๆก็ทำผิดกันทั้งนั้น จะทำผิดด้วยนิดหน่อยเป็นอะไรไป” นี่ไม่ใช่การคิดบวกครับ แต่เป็นการคิดเข้าข้างตัวเองโดยไม่นึกถึงหลักความถูกต้องและหลักความเป็นจริง เมื่อคุณทำผิด การที่ไม่คิดเอาแต่เสียใจฟูมฟายนั้นถูกต้องแล้ว แต่ขั้นต่อมาก็การต้องคิดต่อว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ยิ้มรับกับความผิดพลาดคิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ อย่างนี้สิจึงจะเป็นการคิดบวก   มันไม่ผิดครับ ที่ทุกคนจะท้อ จะล้ม จะร้องไห้กับเรื่องราวผิดหวังหรือความผิดพลาดต่างๆของตัวเอง แต่ถ้าเราปล่อยใจให้จมดิ่งลงไปกับความทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่เราจะลุกขึ้นเดินได้อีกครั้งล่ะครับ มันจะดีกว่ามั้ยถ้าคุณลองเลิกคิดลบ แล้วหันมาให้กำลังใจความคิดของตัวเองบ้าง [...]
เพื่อนผู้หวังดีที่ชื่อว่า “ปัจจุบัน”

เพื่อนผู้หวังดีที่ชื่อว่า “ปัจจุบัน”

เมื่อรู้สึกว่าชีวิตล้มเหลว แน่นอนว่าภูมิคุ้มกันทางจิตใจของเรา ก็ย่อมจะลดน้อยถอยลงไปด้วย จนเปิดโอกาสให้ความหดหู่ และความท้อแท้เข้าครอบงำจิตใจ จนรู้สึกอ่อนล้าสิ้นหวัง ไม่ว่าจะใคร ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โลกที่เคยสว่างสดใสก็มืดหม่นลงได้ทั้งนั้น แต่ทำไมบางคนจึงสามารถดึงตัวเองให้ลุกขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาไม่นาน ในขณะที่บางคนกลับปล่อยให้ชีวิตจมดิ่งลงไปจนกู่ไม่กลับ     “ถ้าถามถึงสาเหตุ ความจริงก็มีคำตอบอยู่มากมาย แต่หนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุดก็คงจะเป็น กำลังใจ และคำแนะนำที่ดีจากเพื่อนรอบข้าง จนคนที่ล้มลงไปแล้วมีกำลังอยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโลกใบนี้ใหม่ ในขณะที่คนอีกหลายคนเมื่อไม่ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างและไม่สามารถปลุกกำลังใจของตัวเองขึ้นมาได้ ก็จะยิ่งจมอยู่กับความล้มเหลวนั้นเข้าไปใหญ่”     การรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อน จากคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณสามารถเก็บเกี่ยวแนวคิดและกำลังใจดีๆจากพวกเขาได้ แต่คุณก็ต้องอย่าลืมด้วยว่า ต่างคนก็ต่างความคิด เลือกรับฟังแต่สิ่งที่จะฉุดชีวิตคุณให้พุ่งขึ้น ไม่ใช่เก็บคำพูดที่มีแต่จะฉุดชีวิตคุณให้จมดิ่งลงมาไว้ในใจ     ถ้าถามว่า คำพูดแบบจากเพื่อนแบบใดที่จะฉุดชีวิตคุณให้พุ่งขึ้น สังเกตได้ไม่ยากครับ อันดับแรก เขาจะไม่ซ้ำเติมในสิ่งที่คุณทำผิดพลาดไป ไม่ตอกย้ำอดีตของคุณด้วยคำพูดอย่างเช่นว่า “บอกแล้วใช่มั้ยว่าทางนี้มันแย่” หรืออะไรก็ตามทำนองนี้ เพราะมันเป็นคำพูดที่มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลยซักนิด นอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกมีกำลังใจแล้ว ยังจะเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเข้าไปใหญ่     คำพูดจากเพื่อนผู้หวังดีจริงๆ จะพูดให้คุณอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่อดีต เขาจะไม่บอกว่าคุณคือผู้แพ้ หรือสิ่งที่คุณทำในอดีตคือความผิดพลาด แต่เขาจะบอกว่าสิ่งที่คุณทำ คือประสบการณ์อันมีค่าที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เขาจะพูดให้คุณเรียนรู้จากมัน ใช้มันเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ชีวิตของคุณเติบโต คอยเตือนไม่ให้คุณพะวงกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เริ่มต้นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาและอยู่กับปัจจุบัน [...]
อะไรคือนิยามของชีวิตคุณ?

อะไรคือนิยามของชีวิตคุณ?

คำว่า “ชีวิต” จัดเป็นคำอัศจรรย์มากคำหนึ่งนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นพจนานุกรมเล่มใด ก็ไม่สามารถบอกถึงนิยามที่ชัดเจนของมันได้เลยแม้แต่เล่มเดียว แต่ถึงอย่างนั้นการค้นหา “ความหมาย” ของคำๆนี้กลับเป็นสิ่งที่คนมากมายพยายามตามหา     “ความหมายของ ”ชีวิต” นั้นแตกต่างกันไปในคนแต่ละคน เราไม่สามารถบอกได้ว่าของใครถูกหรือของใครผิด”   แต่หลายๆ คนกลับเอาแต่ถกเถียงถึงความหมายของมัน โดยยึดเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานจนลืมไปหรือเปล่าครับว่า ไม่มีชีวิตของใครบนโลกใบนี้ที่เหมือนกันซะทุกอย่าง ทุกคนต่างก็มีทางเลือก มีทางเดินชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกับลายพิมพ์ DNA ที่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเราเท่านั้น จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้     เราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนโน้นคนนี่จนดูด้อยค่า ถ้าคุณคือหนึ่งในคนที่กำลังสงสัยว่านิยามชีวิตของตัวเองคืออะไรแล้วล่ะก็ ลองค้นหาดูครับ อย่าเพิ่งท้อใจไป อย่าปล่อยให้เสียงรอบข้างกลบเสียงในหัวใจของคุณ บางทีมันอาจสนุกกว่าที่คิดก็ได้     ส่วนวิธีการค้นความหมายของชีวิตนั้น แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกันไปตามสไตล์ บ้างใช้เงินในการหา บ้างก็ใช้แค่ความฝัน แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหา ทั้งที่จริงๆแล้ววิธีการมันอาจจะง่ายนิดเดียวแถมทำได้โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองซักบาทเลยก็ได้ เช่น การลองคุยกับตัวเองให้มากพออย่างซื่อสัตย์ไงครับ     “ก่อนอื่นต้องเอาความทุกข์ในอดีตมาทำเป็นปุ๋ยให้กับทางจิตใจของตัวเองก่อน ใช้เรื่องราวที่ผ่านมาสั่งสมไว้เป็นประสบการณ์”     ไม่ใช้มันซ้ำเติมจิตใจ เริ่มต้นให้กำลังใจตัวเองว่าคุณก็มีคุณค่า นึกถึงสิ่งที่คุณมี ไม่ใช่สิ่งที่คุณขาด แล้วคุณก็จะรู้ได้ไม่ยากเลยว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร [...]
Could not authenticate you.